แพ็กเกจประกันโรคร้าย
รับเงินก้อน แม้ตรวจเจอจ่าย ระยะต้น ถึง ปานกลาง
ตรวจเจอจ่าย ระยะต้น-ปานกลางรับ 40%ของทุนโรคร้าย จ่ายสูงสุด 5ครั้ง
ตัวอย่าง ลูกค้ารับความคุ้มครอง 1,000,000บาท
รับ 40%ของทุนโรคร้าย = 400,000บาทจ่ายสูงสุด 5ครั้งรวม2,000,000บาท

รับเงินก้อน แม้ตรวจเจอจ่าย ระยะต้น ถึง ปานกลาง
ตรวจเจอจ่าย ระยะร้ายแรงรับ 100%ของทุนโรคร้าย จ่ายสูงสุด 6ครั้ง
ตัวอย่าง ลูกค้ารับความคุ้มครอง 1,000,000บาท
รับ 100%ของทุนโรคร้าย = 1,000,000บาทจ่ายสูงสุด 6ครั้งรวม6,000,000บาท

ตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ
- เสียชีวิตทุกกรณี 1,000,000 บาท *
- เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ 1,000,00 บาท *
- ทุพพลภาพฯ 1,000,000 บาท *
- เช่น แผลไหม้ชนิดรุนแรงน้อย 400,000บาท หรือแผลไหม้ฉกรรจ์ 1,000,000บาท
- เช่น โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา 400,000บาท หรือโรคเบาหวานชนิดที่หนึ่ง 1,000,000บาท
- เช่น ตรวจเจอจ่าย ระยะต้น-ปานกลาง 40%ของทุนโรคร้าย = 400,000บาทจ่ายสูงสุด 5ครั้งรวม2,000,000บาท
- ตรวจเจอจ่าย ระยะร้ายแรง 100%ของทุนโรคร้าย = 1,000,000บาทจ่ายสูงสุด 6ครั้งรวม6,000,000บาท

แพจเกจประกันโรคร้ายสุดคุ้ม
ความคุ้มครอง 62 โรคร้ายแรง
แผน 500,000 บาท
เบี้ยประกัน
เดือนละ 665บาทต่อเดือน
ขึ้นอยู่กับเพศและอายุ
ความคุ้มครอง 62 โรคร้ายแรง
แผน 1,000,000 บาท
เบี้ยประกัน
เดือนละ 1,290บาทต่อเดือน
ขึ้นอยู่กับเพศและอายุ
AIA Multi-pay CI | ประกันโรคร้ายแรง
คุ้มครองโรคร้ายแรงทุกระดับ ก้าวข้ามขีดจำกัดของการจ่ายผลประโยชน์ ไปพร้อมวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ไม่หยุดยั้ง
สูงสุดถึงอายุ 99 ปี หรือจนกระทั่งแบบประกันภัยหลักสิ้นผลบังคับ
15 วัน – 70 ปี
โรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง
1.โรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม
2.การผ่าตัดเนื้องอกต่อมใต้สมองออก
3.โรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่รักษาด้วยการสวนหลอดเลือดหัวใจ
4.การผ่าตัดลอกเยื่อหุ้มหัวใจ
5.การรักษาโรคลิ้นหัวใจด้วยการสวนหลอดเลือด
6.การรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้าโดยวิธีใส่สายสวนทางหลอดเลือด หรือภาวะการโป่งพองของหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้าที่ระดับอกหรือระดับท้อง
7.การใส่เครื่องกรองลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำใหญ่
8.โรคหลอดเลือดสมองที่ต้องได้รับการผ่าตัดลอกหลอดเลือดแดงคาโรติด
9.โรคหลอดเลือดสมองที่ต้องได้รับการรักษาโดยวิธีใส่สายสวนเส้นเลือดแดงบริเวณคอ
10.โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่รักษาโดยใช้ขดลวดผ่านสายสวนทางหลอดเลือด
11.การผ่าตัดฝังท่อระบายในโพรงสมอง
12.การผ่าตัดตับออกหนึ่งกลีบ
13.การผ่าตัดไตออกหนึ่งข้าง
14.การผ่าตัดปอดออกหนึ่งข้าง
15.แผลไหม้ชนิดรุนแรงน้อย (การเกิดแผลไหม้ระดับ 2)
16.การผ่าตัดเลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มสมองอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ
17.การสูญเสียแขนหรือขาหนึ่งข้าง หรือตาหนึ่งข้าง
18.โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา
โรคร้ายแรงระดับรุนแรง
19.โรคมะเร็งระยะลุกลาม
20.เนื้องอกในสมองชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง
21.กล้ามเนื้อ หัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด
22.การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
23.โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
24.การผ่าตัดลิ้นหัวใจด้วยวิธีการเปิดหัวใจ
25.การผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า
26.โรคแรงดันในหลอดเลือดแดงปอดสูงแบบปฐมภูมิ
27.โรคหลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง / โรคปอดระยะสุดท้าย
28.โรคโลหิตจางจากไขกระดูกไม่สร้างเม็ดโลหิต
29.โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
30.โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด
31.ภาวะโคม่า
32.โรคสมองเสื่อม ชนิดอัลไซเมอร์
33.โรคเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
34.สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส
35.โรคพาร์กินสัน
36.โรคระบบประสาทมัลติเพิล สะเคลอโรสิส
37.โรคของเซลล์ประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว
38.ภาวะอะแพลลิก
39.อัมพาตของกล้ามเนื้อแขนหรือขา
40.โรคโปลิโอ
41.โรคกล้ามเนื้อเสื่อม
42.ตับวาย
43.ไตวายเรื้อรัง
44.โรคลำไส้อักเสบเป็นแผลรุนแรง
45.การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ หรือปลูกถ่ายไขกระดูก
46.โรคไวรัสตับอักเสบขั้นรุนแรง
47.ภาวะตับอ่อนอักเสบที่กลับเป็นซ้ำและเรื้อรัง
48.ไตอักเสบลูปูส จากโรคซิสเต็มมิค ลูปูส อิริเธมาโตซูส
49.ภาวะข้ออักเสบรูมาตอยด์ชนิดรุนแรง
50.แผลไหม้ฉกรรจ์ (การเกิดแผลไหม้ระดับ 3)
51.การบาดเจ็บที่ศีรษะอยางรุนแรง
52.การสูญเสียการดำรงชีพอย่างอิสระ
53.การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
ไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองอย่างถาวรตั้งแต่ 3 อย่างขึ้นไป ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 180 วัน หรือ
ไม่สามารถประกอบอาชีพใดๆ เพื่อรับค่าตอบแทนหรือกำไรได้ ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 180 วัน (คุ้มครองตั้งแต่อายุ 17 ปีบริบูรณ์จนถึงก่อนอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์) หรือ
การสูญเสียสายตา มือ หรือเท้า ทั้ง 2 ข้าง หรือสูญเสียมือ 1 ข้าง และ เท้า 1 ข้าง หรือสูญเสียสายตา 1 ข้าง และมือ 1 ข้าง หรือสูญเสียสายตา 1 ข้าง และเท้า 1 ข้าง
54.ตาบอด
55.การฉีกขาดของรากประสาทต้นแขน
56.การสูญเสียความสามารถในการพูด
57.โรคเนื้อเยื่อพังผืดอักเสบติดเชื้อและเป็นเนื้อตาย
58.โรคเท้าช้าง
59.โรคไข้รูมาติกที่ทำให้หัวใจผิดปกติ
60.โรคคาวาซากิที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนของหัวใจ
61.โรคเบาหวานชนิดที่ 1
62.โรคน้ำไขสันหลังคั่งในโพรงสมองซึ่งเกิดภายหลังและต้องใส่ท่อระบาย
คำถามที่พบบ่อย
บริษัทจะไม่คุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรือความผิดปกติซึ่งแพทย์ยืนยันและมีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรง ที่เกิดขึ้นภายใน 60 วัน นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติมนี้ หรือหากมีการต่ออายุสัญญาเมื่อสัญญาเพิ่มเติมสิ้นผลบังคับ (Reinstatement) ให้นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามการต่ออายุครั้งสุดท้าย หรือวันที่บริษัทอนุมัติให้เพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมนี้ แล้วแต่วันใดจะเกิดขึ้นภายหลัง
ความผิดปกติซึ่งแพทย์ยืนยันและมีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงหรือโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นก่อนวันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติมนี้
การฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายร่างกายตนเอง หรือพยายามกระทำเช่นว่านั้นการติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV Positive) หรือภาวะของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) ของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
– การตรวจสุขภาพและการพิจารณารับประกันภัยให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
– ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาและทำความเข้าใจในเอกสารเสนอขายก่อนตัดสินใจทำประกันภัย เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้ว โปรดศึกษารายละเอียด ข้อกำหนดและเงื่อนไขในกรมธรรม์
– ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
– บริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาเพิ่มเติมในรอบปีกรมธรรม์ อันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ ชั้นอาชีพ ประสบการณ์การจ่ายสินไหมทดแทนของบริษัท เป็นต้น สำหรับสัญญาเพิ่มเติมกลุ่มค่ารักษาพยาบาล อาจมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น หรือจากประสบการณ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน
– ผู้ขอเอาประกันภัยมีหน้าที่แถลงข้อความจริงในการขอเอาประกันภัย การปกปิดข้อความจริงหรือแถลงข้อความเป็นเท็จใดๆ อาจเป็นเหตุให้บริษัทผู้รับประกันภัยบอกล้างสัญญาประกันภัยและปฏิเสธไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย
1. กรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยและหรือยืนยันจากแพทย์ว่า เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง และหรือโรคร้ายแรงระดับรุนแรงตั้งแต่ 2 โรคขึ้นไป จากสาเหตุและหรือเหตุการณ์เดียวกัน บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้สัญญาเพิ่มเติมนี้สูงที่สุดเพียง 1 โรคเท่านั้น และให้รวมถึงกรณีดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 ผลการวินิจฉัย “โรคมะเร็งระยะลุกลาม” และ “โรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม” ระบุว่า เกิดขึ้นที่อวัยวะเดียวกัน ข้างเดียวกัน และได้รับการรักษาหรือผ่าตัดในครั้งเดียวกัน
กรณีที่ 2 การบาดเจ็บ “แผลไหม้ฉกรรจ์” และ “แผลไหม้ชนิดรุนแรงน้อย” ที่เกิดจากอุบัติเหตุครั้งเดียวกัน
กรณีที่ 3 การเจ็บป่วยเป็น “โรคน้ำไขสันหลังคั่งในโพรงสมองซึ่งเกิดภายหลังและต้องใส่ท่อระบาย” และ “การผ่าตัดฝังท่อระบายในโพรงสมอง” ซึ่งเป็นการรักษาครั้งเดียวกัน
กรณีที่ 4 “การสูญเสียแขนหรือขาหนึ่งข้างหรือตาหนึ่งข้าง” และต่อมาผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงระดับรุนแรงดังต่อไปนี้ “อัมพาตของกล้ามเนื้อแขนหรือขา” หรือ “การสูญเสียการดำรงชีพอย่างอิสระ” หรือ “การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง” หรือ “ตาบอด” โดยโรคร้ายแรงระดับรุนแรงดังกล่าวเกิดจากสาเหตุเดียวกันกับ “การสูญเสียแขนหรือขาหนึ่งข้างหรือตาหนึ่งข้าง”
ทั้งนี้ จะถือว่าการจ่ายผลประโยชน์ใน 4 กรณีนี้เป็นการจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรงในแต่ละกรณีเท่านั้น
2. ผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง บริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง หากโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลางดังกล่าวอยู่ในกลุ่มโรคร้ายแรงเดียวกันกับโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลางหรือโรคร้ายแรงระดับรุนแรงที่บริษัทเคยจ่ายผลประโยชน์ไปแล้ว ทั้งนี้ สัญญาเพิ่มเติมนี้ยังคงมีผลบังคับหากผู้เอาประกันภัยมีการชำระเบี้ยประกันภัยต่อไป
3. ผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรง บริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรง หากโรคร้ายแรงระดับรุนแรงดังกล่าวอยู่ในกลุ่มโรคร้ายแรงเดียวกันกับโรคร้ายแรงระดับรุนแรงที่บริษัทเคยจ่ายผลประโยชน์ไปแล้ว ยกเว้น กรณีเข้าเงื่อนไขของผลประโยชน์การกลับมาเป็นซ้ำของโรคร้ายแรงระดับรุนแรง (Relapsed CI)
บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรงดังต่อไปนี้
“ภาวะอะแพลลิก” หรือ
“การสูญเสียการดำรงชีพอย่างอิสระ” หรือ
“การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง”
เฉพาะกรณีที่
3.1 เป็นการจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรงครั้งแรก หรือ
3.2 เป็นการจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรง ที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยและหรือยืนยันจากแพทย์เป็นครั้งแรกในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าการเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงดังกล่าวได้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ
4. ผลประโยชน์การกลับมาเป็นซ้ำของโรคร้ายแรงระดับรุนแรง (Relapsed CI) หลังจากบริษัทได้จ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรง ดังต่อไปนี้เป็นครั้งแรกแล้ว “โรคมะเร็งระยะลุกลาม” “กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด” “โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน” และต่อมาเกิดการกลับมาเป็นซ้ำของโรคร้ายแรงระดับรุนแรงที่บริษัทได้เคยจ่ายผลประโยชน์ไปแล้วภายใต้เงื่อนไขตามกรมธรรม์ บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรงอีก ในอัตราร้อยละ 100 ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สูงสุดโรคละ 1 ครั้ง
ทั้งนี้ ผลประโยชน์การกลับมาเป็นซ้ำของโรคร้ายแรงระดับรุนแรง (Relapsed CI) จะไม่นำระยะเวลาห้ามเคลม (No Claim Period) มาพิจารณา และการจ่ายผลประโยชน์การกลับมาเป็นซ้ำของโรคร้ายแรงระดับรุนแรง (Relapsed CI) แต่ละครั้งจะถูกนับและใช้สิทธิภายใต้จำนวนครั้งสูงสุด (6 ครั้ง)